หน้าที่ของผู้ปกครองคือการสอนเด็ก ๆ ให้ออกสู่โลกกว้าง และในโลกที่มีวิกฤติสภาพภูมิอากาศรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เช่นนี้ จิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมคือหนึ่งในสิ่งที่สำคัญมากที่สุดเรื่องหนึ่ง
สํานักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมสหรัฐอเมริกา (EPA) ได้ให้ความหมายของคำว่าสิ่งแวดล้อมศึกษา (environmental education) ไว้ว่าเป็น “กระบวนการที่ทำให้บุคคลได้สำรวจเกี่ยวกับปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม เข้าร่วมแก้ไขปัญหา และดำเนินการปรับปรุงสิ่งแวดล้อม” หรือพูดในอีกแง่หนึ่งก็คือ จิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมไม่ใช่แค่การปลูกฝังให้ลูกๆ ของคุณมีความเชื่อในเรื่องใดเรื่องหนึ่งหรือสอนว่าพวกเขาควรทำอย่างไร แต่เป็นการมอบอำนาจให้เขาต่างหาก
เด็กในวันนี้คือผู้ใหย๋ถัดไปในอนาคต ในอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้าพวกเขาจะได้เผชิญกับความท้าทายเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศที่คุณอาจคาดไม่ถึง พวกเขาต้องคิดให้เป็นและตอบสนองต่อปัญหาสภาพภูมิอากาศที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ในอนาคต เพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายดังกล่าว คุณต้องสอนลูกของคุณเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ปัญหาที่คุกคามโลก และสิ่งที่พวกเขาสามารถทำได้เพื่อช่วยโลกใบนี้เอาไว้
สิ่งที่สำคัญที่สุดที่คุณสามารถสอนลูกของคุณเกี่ยวกับจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมอาจจะเป็นการทำตัวเป็นแบบอย่าง ลูกของคุณสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับการปฏิบัติตัวให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้มากจากการสังเกตพฤติกรรมของคุณ
สร้างพฤติกรรมที่เป็นมิตรต่อสภาพภูมิอากาศที่คุณอยากให้ลูกของคุณทำตาม อาจจะเป็นอะไรง่าย ๆ อย่างการถือขวดน้ำรีฟิลหรือใช้ถุงที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ในการช็อปปิ้ง จนไปถึงการเปลี่ยนวิถีชีวิตที่เป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาหน่อย เช่น การลดการใช้รถยนต์ หรือติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ที่บ้าน การทำขั้นตอนเหล่านี้สามารถกระตุ้นให้เด็กๆ ทำตามได้ตั้งแต่อายุยังน้อย
ช่วยเสริมสร้างนิสัยที่ยั่งยืนให้เด็กๆ เพื่อให้ติดไปใช้ตอนเป็นผู้ใหญ่ โดยนิสัยเหล่านั้นได้แก่:
นอกจากนี้ให้อธิบายเพิ่มว่าพฤติกรรมไหนดีหรือไม่ดีต่อสิ่งแวดล้อม และเพราะอะไร ตัวอย่างเช่น เมื่อลูกของคุณถามว่าทำไมการโยนขวดพลาสติกทิ้งลงในธรรมชาติจึงเป็นเรื่องแย่ การอธิบายจะทำให้ลูกของคุณได้เข้าใจถึงสิ่งที่ทำลงไป รวมถึงได้เข้าใจถึงสาเหตุเบื้องลึกด้วย ส่งผลให้พวกเขาสามารถใช้หลักการเดียวกันนี้กับเรื่องอื่นๆ ได้ เมื่อลูกของคุณโตขึ้น คุณสามารถพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องสิ่งแวดล้อมที่ซับซ้อนมากขึ้นแล้วสอนให้พวกเขาทำพฤติกรรมที่เหมาะสม
การพูดคุยกับลูกเช่นนี้เป็นเรื่องที่สนุกสนาน และคุณจะทำให้พวกเขาโดดเด่นในเรื่องการศึกษาด้วย
พาลูกออกไปนอกบ้านเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับโลกที่พวกเขาพยายามปกป้อง เมื่อลูกของคุณชอบออกไปใช้เวลากับธรรมชาติ พวกเขาจะมีแรงกระตุ้นในการปกป้องโลกมากขึ้น นอกจากนี้ การใช้เวลาอยู่นอกบ้านจะทำให้เด็กๆ มีความรักและความหลงใหลในธรรมชาติและอนุรักษ์ธรรมชาติไปตลอดชีวิต
การใช้เวลานอกบ้านคือสิ่งที่มีคุณค่าเป็นอย่างมากสำหรับเด็กๆ มีงานวิจัยจำนวนมากที่ชี้ให้เห็นว่าการใช้เวลานอกบ้านมีประโยชน์มากมาย รวมถึงการเรียนรู้และการพัฒนาที่ดีขึ้นความเครียดลดลง และสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น แถมยังช่วยให้พวกเขาโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพจิตดีและมีความสุข
คุณไม่จำเป็นต้องพาลูกไปแคมปิ้ง เดินป่าอย่างเข้มข้น หรือกิจกรรมผจญภัยอื่นๆ (แม้ว่าคุณจะทำได้ก็ตาม) แค่วิ่งรอบๆ สนามหญ้า ไปสวนสาธารณะใกล้บ้าน หรือการออกไปเล่นกีฬากลางแจ้ง ก็นับเป็นการใช้เวลานอกบ้านเช่นกัน
มุ่งเน้นไปที่การหากิจกรรมและกิจวัตรประจำวันที่เข้ากับลูกของคุณ การทำเช่นนี้จะทำให้พวกเขามีเวลาอยู่นอกบ้านมากพอ และช่วยให้พวกเขาได้เพลิดเพลินกับกิจกรรมเหล่านั้นมากที่สุด
ในทำนองเดียวกัน พยายามเลี้ยงให้ลูกของคุณโตมาเป็นผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ซื้อของที่เป็นมิตรต่อโลกและพูดคุยกันว่าทำไมสิ่งนี้จึงดีต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าผลิตภัณฑ์อื่นๆ
ช่วยให้พวกเขาได้เข้าใจว่าผลิตภัณฑ์นั้นมาจากไหน และสิ่งนี้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างไร ได้แก่ การพูดว่าสินค้านี้มีการผลิต ขนส่ง ใช้ และกำจัดอย่างไร
นี่คืออีกส่วนหนึ่งที่หากคุณเป็นแบบอย่างให้กับลูกจะทำให้ได้ประโยชน์เป็นอย่างมาก พยายามฝึกนิสัยการบริโภคที่คุณอยากให้พวกเขามีเมื่อโตขึ้น ซึ่งนิสัยเหล่านั้นได้แก่
ไม่ว่าคุณจะซื้ออะไร สิ่งสำคัญคือการเลือกซื้อของที่มีความยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด
การมีความรู้ความเข้าใจในส่วนนี้จะทำให้พวกเขาสามารถเลือกตัวเลือกการบริโภคที่ดีเมื่อพวกเขาโตขึ้นและเศรษฐกิจพัฒนาต่อไป
พยายามสร้างความสนใจให้ลูกในเรื่องของจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมและการสนับสนุนสิ่งแวดล้อม แม้ว่าคุณไม่อาจรู้ได้เลยว่าในอนาคตจะมีอะไรรออยู่ แต่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศนั้นเกิดขึ้นอยู่เสมอ ซึ่งเป็นปัญหาในระยะยาวที่จะมีผลกระทบร้ายแรงต่อโลกต่อไป เพื่อให้สามารถจัดการกับปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดผลกระทบ เด็กๆ จำเป็นต้องเตรียมตัวต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศตลอดชีวิต
พาลูกๆ ของคุณไปมีส่วนร่วมกับชุมชน เช่น การช่วยเหลือในโครงการทำความสะอาดท้องถิ่น เข้าร่วมกิจกรรมในพื้นที่ที่อุทิศให้กับจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมในเรื่องทั่วไป หรือพื้นที่ที่มีปัญหาเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อม จัดหาแหล่งการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับวัย เช่น หนังสือ กิจกรรม หรือแม้แต่สารคดีเกี่ยวกับหัวข้อสิ่งแวดล้อมที่พวกเขาสนใจ
การสนับสนุนสามารถทำได้หลายรูปแบบ ร่วมมือกับลูกของคุณเพื่อหาหัวข้อ ปัญหา และทางออกที่น่าสนใจสำหรับพวกเขา สิ่งนี้จะช่วยให้พวกเขามีความหลงใหลในเรื่องสิ่งแวดล้อมตลอดชีวิต เพราะการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศจะเกิดขึ้น แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศยังคงส่งผลกระทบต่อโลกในรูปแบบใหม่
จิตสำนึกทางสิ่งแวดล้อมไม่ได้จบที่แค่การอ่านหรือการเรียนรู้อย่างจริงจัง ในหลายกรณี ลูกของคุณสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและวิธีการปกป้องได้ด้วยงานและการเล่นแบบลงมือจริง
กิจกรรมที่ทั้งสนุกและได้ความรู้ไปด้วยมีดังต่อไปนี้:
เล่นข้างนอกคือวิธีง่ายๆ แต่ได้ผลในการทำให้ลูกของคุณสนใจสิ่งแวดล้อม คุณสามารถเลือกเกมที่จะเล่นได้ แต่ปล่อยให้พวกเขาได้ออกสำรวจและเรียนรู้สิ่งแวดล้อมเองก็เป็นอีกวิธีที่ดีเช่นกัน
ทำการตามล่าหาสิ่งของกับลูกของคุณ เช่น การหานกชนิดต่างๆ หรือเก็บใบไม้ คุณสามารถทำได้ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นสวนหลังบ้าน สวนสาธารณะ หรือในระหว่างที่ออกไปซื้อของก็ได้
ไปที่ฟาร์มหรือตลาดเกษตรกรกับลูกของคุณ การทำเช่นนี้ไม่เพียงแค่ทำให้ลูกของคุณมีโอกาสในการได้ออกไปใช้เวลาข้างนอกเท่านั้น แต่ยังช่วยให้พวกเขาได้เรียนรู้อีกด้วยว่าอาหารมีแหล่งที่มาจากที่ไหน
ทำให้ลูกของคุณคุ้นเคยกับขยะ ใช้เวลากับขยะให้มาก สอนพวกเขาถึงวิธีการแยกขยะที่บ้าน เช่น การใช้ถังขยะแยกหรือการหมักปุ๋ย
เมื่อเดินทางไปข้างนอกกับลูกของคุณ เลือกใช้ขนส่งสาธารณะ ขี่จักรยาน หรือเดินแทนการใช้รถยนต์
โปรดทราบว่านี่เป็นเพียงการยกตัวอย่างเท่านั้น วิธีที่ดีที่สุดคือการหากิจกรรมที่ลูกของคุณสนใจ เริ่มต้นจากการซื้อจักรยานให้ตัวเองและลูกไปเลย ถือเป็นกิจกรรมสนุกๆ ที่ดีต่อสุขภาพด้วย
การสอนลูกของคุณเกี่ยวกับจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมคือสิ่งที่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ ไม่มีทางปลูกฝังได้ภายในชั่วข้ามคืนแน่ๆ เรื่องนี้ต้องใช้เวลา อย่างไรก็ตาม จิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การลงทุนให้ลูกของคุณ ทั้งเพื่อโลกและเพื่อลูกคุณเอง
